banner(1)
banner(2)
banner(3)
banner(4)

8 วิธีกำจัดกลิ่นอับในรถ ไม่ให้มากวนใจ

วิธีกำจัดกลิ่นอับในร

8 วิธีกำจัดกลิ่นอับในรถ ไม่ให้มากวนใจ รถยนต์มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่รู้ว่าจะจัดการกับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์นี้อย่างไรดี เพราะกลิ่นอับในรถเกิดได้จากหลายปัจจัย ที่ไม่ใช่เพราะระบบปรับอากาศเท่านั้น แต่รวมถึงเศษอาหารที่ร่วงอยู่ในรถ การนำสัตว์เลี้ยงขึ้นรถ หรือเสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อและไปติดเบาะก็ส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน 1. กำจัดกลิ่นจากแหล่งกำเนิด คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามการค้นหาแหล่งสะสมของจุดกำเนินกลิ่น ไม่ว่าจะเป็น บรรดาขยะ ของเน่า หรือซากสัตว์ที่ติดในรถ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดการสะสมของกลิ่นเหม็นในรถ เราควรตรวจเช็กภายในรถให้เรียบร้อยทุกๆ จุด และเก็บกวาดให้สะอาด เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันในตัวกรองเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ 2. ล้างแอร์รถ หากรถของคุณมีกลิ่นอับในรถ การล้างแอร์รถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการกำจัดกลิ่นอับ การล้างแอร์เป็นการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในระบบแอร์อย่างละเอียด โดยช่างจะทำความสะอาดโดยการนำเครื่องมือเข้าไปฉีดล้างทำความสะอาดภายใน หรือฉีดน้ำยาทำความสะอาดเข้าไปในคอล์ยเย็น เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในตู้แอร์ (คอล์ยเย็น) นอกจากนี้ การล้างแอร์รถยนต์โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเปลี่ยนกรองแอร์ทุก ๆ 1 ปี จะช่วยให้อากาศภายในรถสะอาดและสดชื่นอยู่เสมอ 3. จอดรถตากแดด การจอดรถตากแดด เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยบรรเทากลิ่นในรถให้คุณได้ เพียงเปิดหน้าต่างรถไว้ให้อากาศถ่ายเท และนำรถไปจอดกลางแดดสักประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้กลิ่นลดน้อยลง และยังได้ผลพลอยได้ตรงที่สามารถฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราได้ระดับหนึ่งด้วย 4. ใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่ปราศจากน้ำหอม ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นในรถให้เลือกให้เลือกซื้อหลายกลิ่นตามรสนิยมความชอบส่วนบุคคล ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่มีน้ำหอม ก็อาจจะต้องคำนึงเรื่องกลิ่นที่อาจจะทำให้บางคนเกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ ดังนั้น การเลือกผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่ไม่มีน้ำหอมเป็นทางเลือกที่ดีของการกำจัดกลิ่นอับในรถอย่างปลอดภัยและเห็นผลได้ชัดเจน โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่ปราศจากน้ำหอมนั้น จะมีส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง อีกทั้งยังช่วยลดกลิ่นอับในรถได้ เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้น้ำหอมหรือไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม ซึ่ง สเปรย์กำจัดกลิ่น KANA ก็เป็นผลิตภัณฑ์ดับกลิ่น ที่เราอยากจะแนะนำให้คุณได้รู้จัก เพราะผลิตภัณฑ์ดับกลิ่น คานะ เป็นสเปรย์กำจัดกลิ่นที่ได้นำส่วนผสมจากธรรมชาติหลายชนิด สามารถทำปฏิกิริยากับประจุอนุภาคของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดการแตกตัวและจับคู่ของโมเลกุลใหม่ ส่งผลทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สเปรย์กำจัดกลิ่น คานะ ยังผ่านการทดสอบความระคายเคือง ภายใต้โครงการ RD Facilities Boost Up โดยความร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 5. ถ่านหุงต้ม ถ่านหุงต้มขึ้นชื่อว่าช่วยกำจัดกลิ่นอับได้ได้เป็นอย่างดี เพราะรูพรุนของถ่านมีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับสารไฮโดรคาร์บอน ซึ่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ มักมีสารดังกล่าวประกอบอยู่ด้วย การนำถ่านใส่ภาชนะหรือกล่องพลาสติกแล้ววางไว้ตามมุมต่าง ๆ ของรถ จึงเป็นวิธีที่ง่ายและไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายจากสาารเคมีใดๆ อีกด้วย 6. ใบชา-ชาซองสำเร็จรูป การนำกากกาแฟจากร้านกาแฟมาตากแห้งและห่อใส่ถุงผ้าขาวบาง แล้วนำไปวางในรถสักประมาณ 2 วัน ก็จะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถได้ แถมยังได้กลิ่นกาแฟหอม ๆ มาแทนที่กลิ่นอับในรถด้วย 7. กากกาแฟ การนำกากกาแฟจากร้านกาแฟมาตากแห้งและห่อใส่ถุงผ้าขาวบาง แล้วนำไปวางในรถสักประมาณ 2 วัน ก็จะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถได้ แถมยังได้กลิ่นกาแฟหอม ๆ มาแทนที่กลิ่นอับในรถด้วย 8. ปิดปุ่ม A/C ก่อนดับเครื่องยนต์ บางครั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถอาจมีสาเหตุมาจากแอร์รถนั่นเอง ดังนั้นควรหมั่นสำรวจเบื้องต้น โดยการดมตรงช่องแอร์ว่ามีกลิ่นออกมาหรือไม่ หากพบว่ามีกลิ่นให้ลองปิดปุ่ม A/C ประมาณ 10 นาทีก่อนถึงจุดหมายปลายทาง เพราะการปิด A/C จะเป็นการปิดการทำความเย็นของคอมเพรสเซอร์ แต่ไม่ตัดการทำงานพัดลม ทำให้สามารถไล่ความชื้น ลดโอกาสการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นอับ อย่างไรก็ตาม การปิดปุ่ม A/C เป็นวิธีลดกลิ่นอับเบื้องต้น แต่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาหลัก หากรถมีกลิ่นอับ การทำความสะอาดระบบแอร์จากช่างผู้เชี่ยวชาญ จะวิธีที่ช่วยกำจัดกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ท้ายที่สุดนี้วิธีแก้ปัญหา ดับกลิ่นเหม็นในรถที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิด ซึ่งป้องกันได้โดยเลี่ยงการนำสาเหตุของการเกิดกลิ่นเข้าไปในรถ หมั่นทำความสะอาดรถ ซักเบาะและพรม รวมถึงหมั่นไล่ความชื้นจากตู้แอร์อย่างสม่ำเสมอโดยการปิดระบบทำความเย็นแล้วเปิดแค่พัดลมแทน เพียงเท่านี้ก็ช่วยป้องกันการเกิดกลิ่นได้มากแล้ว หากต้องการล้างแอร์ หรือหาสาเหตุของกลิ่นไม่พบ อำนวยมอเตอร์แอร์ 2 เราก็ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำค่ะ

5 วิธีการดูแลรักษารถคันโปรด ให้ใช้งานได้ยาวนาน

5 วิธีการดูแลรักษารถ

5 วิธีการดูแลรักษารถคันโปรด ให้ใช้งานได้ยาวนาน สภาพรถยนต์นั้น ก็เปรียบเสมือนร่างกายของคนเรา มีส่วนต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น การดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น เพื่อทะนุถนอมอายุการใช้งานรถของเราให้ยืนยาวและเป็นการรักษาอายุของรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อแนะนำปฏิบัติดังต่อไปนี้ 1. เช็ดล้างและทำความสะอาดเป็นประจำ การดูแลรูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์ หมั่นเช็ดล้างและทำความสะอาดเป็นประจำนั้น จะช่วยให้รถดูใหม่ สีไม่ซีด ไม่มีสนิมขึ้น แสดงถึงความใส่ใจของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี และเมื่อนำไปขายต่อก็ไม่ทำให้รถราคาตกอย่างแน่นอน 2. เปลี่ยนกรองแอร์อย่างสม่ำเสมอ กรองอากาศเครื่องปรับอากาศ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “กรองแอร์” ซึ่งท่ามกลางสภาพอากาศในปัจจุบัน ที่มากไปด้วยฝุ่นละอองและมลภาวะทางอากาศ ที่กรองแอร์จะเข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับคุณภาพอากาศภายในรถที่ดี มีอากาศที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสุขภาพ โดยแนะนำให้เปลี่ยนกรองแอร์เป็นประจำ 3. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบกำหนด น้ำมันเครื่อง เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ที่จะคอยทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ปกป้องชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์ รวมถึงชำระล้างสิ่งสกปรก การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรที่จะเปลี่ยนทุกๆ 8,000 กิโลเมตร หรือไม่เกิน 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 4 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ละรูปแบบ 4. ดูแลยางรถยนต์ ยางรถยนต์ มีหน้าที่ในการรับน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน ที่ถ้าหากไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการขับขี่ เนื่องจากลมยางและยางรถยนต์มีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเบรก การควบคุม การประหยัดน้ำมัน การบังคับเลี้ยว นอกจากจะหมั่นเช็คลมยางแล้ว ควรทำการเปลี่ยนยางตามสภาพของยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการเบรก การยึดเกาะถนนรวมถึงเสียงที่ดังขึ้นในระหว่างการขับขี่ 5. เช็คน้ำมันเบรกทุก 1 ปี น้ำมันเบรก เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งแรงดันไปยังปั๊มเบรก ซึ่งหลังจากใช้งานไปสักระยะหนึ่งแล้ว น้ำมันเบรกจะค่อยๆ เสื่อมอายุการใช้งานและประสิทธิภาพ ลดน้อยลง จนเปลี่ยนเป็นสีที่เริ่มคล้ำและเริ่มส่งผลต่อศักยภาพในการระบายความร้อนที่ลดลง รวมถึงมีอาการผิดปกติเพิ่มเติม เช่น เบรกวืด เบรกไม่อยู่ หรือ เบรกไหล เป็นต้น ท้ายที่สุดนี้ วิธีดูแลรถยนต์เบื้องต้น ที่ทางอำนวย มอเตอร์แอร์ 2 นำมาฝาก จะช่วยยืดอายุให้รถอยู่คู่กับคุณไปนานๆ และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอีกด้วย สำหรับการดูแลรักษาเบื้องต้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรตรวจสอบอยู่เป็นประจำก่อนเดินทาง หรือในช่วงที่มีเวลาว่าอยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติหรือไม่