banner(1)
banner(2)
banner(3)
banner(4)

ล้างแผงคอยล์ร้อนรถยนต์ไฟฟ้า สำคัญอย่างไรสำหรับชาวเชียงใหม่

รถไฟฟ้า, รถยนต์ไฟฟ้า (EV), รถ EV

ล้างแผงคอยล์ร้อนรถยนต์ไฟฟ้า สำคัญอย่างไรสำหรับชาวเชียงใหม่ ระบบแอร์รถยนต์ไฟฟ้า สำคัญกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่อง “แผงคอยล์ร้อน” ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ และ กรุงเทพฯ ที่มีผู้ใช้งานรถ EV หลากหลายแบรนด์ เช่น BYD, Neta และ Tesla กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของหลายคน การดูแลรักษาระบบต่าง ๆ ภายในรถจึงเป็นเรื่องที่ผู้ใช้ไม่ควรมองข้าม หนึ่งในระบบสำคัญที่มักถูกละเลยคือ “ระบบแอร์รถยนต์ไฟฟ้า” ซึ่งมีผลต่อทั้งความเย็นภายในรถและระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่โดยตรง โดยเฉพาะใน รถไฟฟ้าเชียงใหม่ ที่ต้องรับมือกับฝุ่นและอากาศร้อนจัด แผงคอยล์ร้อนรถยนต์ (Condenser) เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนหลักของระบบแอร์ ทำหน้าที่ระบายความร้อนออกจากตัวรถ หากสะอาดจะช่วยให้แอร์เย็นเร็วและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่หากสกปรกจะลดการถ่ายเทความร้อน ส่งผลให้แอร์ไม่เย็นเท่าที่ควร โดยในรถ EV อย่าง BYD, Neta และ Tesla แผงคอยล์ร้อนยังมีหน้าที่สำคัญต่อระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่และอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วย หากปล่อยให้แผงคอยล์ร้อนสกปรก อาจกระทบต่อสมรรถนะและอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้าในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ รถยนต์ไฟฟ้าเชียงใหม่ ไม่ควรมองข้าม ภาพประกอบ: รถยนต์ไฟฟ้า BYD หนึ่งในรุ่นยอดนิยมในเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่มีสภาพอากาศร้อนจัดและมีปริมาณฝุ่นละอองสูง โดยเฉพาะ PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานระบบแอร์ในรถ EV อย่างชัดเจน เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าหลายคนในพื้นที่จึงเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแล แผงคอยล์ร้อนรถ EV อย่างจริงจัง เพื่อรักษาประสิทธิภาพของระบบแอร์และยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาว บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า แผงคอยล์ร้อน คืออะไร มีหน้าที่อย่างไรในระบบแอร์ของรถไฟฟ้า ทำไมการล้างทำความสะอาดจึงสำคัญ พร้อมเปรียบเทียบการดูแลระหว่าง รถยนต์ไฟฟ้ากับรถน้ำมัน และ ปิดท้ายด้วยคำแนะนำในการเลือก ศูนย์บริการล้างแอร์รถ EV ในเชียงใหม่ ที่เชื่อถือได้  ภาพประกอบ: แผงคอยล์ร้อนของระบบแอร์รถยนต์ ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับแผงคอยล์ร้อนรถยนต์ไฟฟ้า แผงคอยล์ร้อนรถ EV เป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบปรับอากาศของรถยนต์ ทำหน้าที่ระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ โดยเปลี่ยนจากไอร้อนให้กลายเป็นของเหลวก่อนเข้าสู่กระบวนการทำความเย็นภายในห้องโดยสาร หากแผงคอยล์ร้อนสกปรก ระบบต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้แอร์ไม่เย็น แม้ระบบแอร์ของรถยนต์ไฟฟ้าจะมีโครงสร้างคล้ายกับรถน้ำมัน แต่ รถ EV ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แรงดันสูง ทำให้ต้องออกแบบระบบให้ปลอดภัยและรองรับการทำงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะรถอย่าง BYD ที่รวมระบบแอร์เข้ากับการระบายความร้อนของแบตเตอรี่ ในรถไฟฟ้าเชียงใหม่ ซึ่งใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น แผงคอยล์ร้อนที่ติดตั้งด้านหน้ารถมักสะสมสิ่งสกปรก เช่น PM 2.5, แมลง หรือใบไม้ การล้างแผงคอยล์ร้อนเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและไม่กระทบต่อแบตเตอรี่ในรถ EV ภาพประกอบ: การถอดแผงคอยล์ร้อนออกมาล้างทำความสะอาดโดยช่างผู้ชำนาญ ความแตกต่างของการดูแลแผงคอยล์ร้อนในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กับรถน้ำมันทั่วไป แม้ว่าแผงคอยล์ร้อนจะมีหน้าที่พื้นฐานคล้ายกันทั้งใน รถยนต์ไฟฟ้า และ รถยนต์น้ำมัน (คือการระบายความร้อนของน้ำยาแอร์) การดูแลรักษาระบบแอร์ใน รถ EV มีรายละเอียดเฉพาะที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเจ้าของรถควรทำความเข้าใจ โดยเฉพาะผู้ใช้ รถไฟฟ้าในเชียงใหม่ ที่ต้องรับมือกับฝุ่นและอากาศร้อนจัดบ่อยครั้ง ระบบแอร์รถ EV มีความซับซ้อนและสำคัญมากกว่า: สำหรับรถน้ำมัน ระบบแอร์ทำหน้าที่หลักเพื่อความเย็นสบายของผู้โดยสารเท่านั้น ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า ระบบแอร์ยังมีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในรุ่นที่มี Heat Pump System หากแผงคอยล์ร้อนสกปรกจนแอร์ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ไม่เพียงแต่ทำให้ห้องโดยสารร้อนขึ้น อาจส่งผลต่อสมรรถนะของรถโดยรวม ทำให้รถ EV ต้องพึ่งพาแอร์มากกว่ารถน้ำมันอย่างชัดเจน การระบายความร้อนภายนอกแตกต่างกัน: รถน้ำมัน มักออกแบบให้มีช่องกระจังหน้าขนาดใหญ่ให้อากาศไหลผ่านเพื่อช่วยระบายความร้อน  แต่รถไฟฟ้าส่วนใหญ่เลือกดีไซน์ด้านหน้าแบบปิดทึบเพื่อลดแรงต้านลม ทำให้แผงคอยล์ร้อนไม่ได้รับลมเย็นจากภายนอกโดยตรง ระบบจึงต้องพึ่งพา พัดลมไฟฟ้า เป็นหลักในการไหลเวียนอากาศ ซึ่งหากแผงคอยล์ร้อนอุดตันด้วยฝุ่น PM 2.5 หรือ เศษใบไม้ จะยิ่งทำให้การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพลดลง ผู้ใช้ รถ EV ในเชียงใหม่ จึงควรล้างแผงแอร์รถยนต์ไฟฟ้า บ่อยกว่าผู้ใช้รถน้ำมัน ผลกระทบต่อสมรรถนะรถ: ในรถน้ำมัน หากระบบแอร์ทำงานหนักอาจทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังขับขี่ได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ในรถไฟฟ้าหากแผงคอยล์ร้อนสกปรกจนแอร์ทำงานได้ไม่ดี จะส่งผลให้แบตเตอรี่ต้องจ่ายพลังงานมากขึ้น ทำให้ระยะทางวิ่งลดลงและอาจทำให้ระบบจำกัดกำลังหรือลดการชาร์จ เพื่อป้องกันความร้อนสะสม ส่งผลกระทบต่อการใช้งานจริงของผู้ขับขี่อย่างชัดเจน ความปลอดภัยและการซ่อมบำรุง: ระบบแอร์ของรถน้ำมันสามารถดูแลได้ตามอู่ทั่วไป  ส่วนรถไฟฟ้ามีความซับซ้อนสูงกว่า โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าแรงดันสูงที่ต้องการผู้ชำนาญเฉพาะทางเท่านั้น การซ่อมหรือล้างแผงแอร์รถ EV จึงควรดำเนินการโดยศูนย์บริการหรือร้านที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งในเรื่องของ น้ำยาแอร์เฉพาะรุ่น (เช่น R-1234yf) และขั้นตอนการบำรุงรักษาที่ปลอดภัยต่อระบบไฟฟ้าภายในรถ ภาพประกอบ: การล้างสิ่งสกปรกออกจากแผงคอยล์ร้อน การเลือกศูนย์บริการล้างแผงแอร์ไฟฟ้าในเชียงใหม่ที่ไว้ใจได้ เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญของการล้างแผงคอยล์ร้อนในรถ EV แล้ว ขั้นตอนถัดไปที่เจ้าของรถไม่ควรมองข้ามคือการเลือกศูนย์บริการหรือร้านแอร์รถยนต์ในเชียงใหม่ที่สามารถดูแลรถไฟฟ้าของคุณได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ รถไฟฟ้าในเชียงใหม่ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเลือกสถานบริการที่มีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือจึงเป็นหัวใจสำคัญ ข้อแนะนำในการเลือกร้านแอร์รถยนต์สำหรับรถ EV เชียงใหม่: มองหาศูนย์บริการที่มีประสบการณ์กับรถยนต์ไฟฟ้า: ไม่ใช่ทุกร้านแอร์รถยนต์จะคุ้นเคยกับระบบของรถไฟฟ้า ดังนั้นควรเลือกร้านหรือศูนย์ที่ระบุชัดเจนว่ารับบริการรถ EV หรือมีช่างที่ผ่านการอบรมเกี่ยวกับรถไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น ร้านที่โฆษณาว่า “รับซ่อมแอร์รถยนต์ไฟฟ้า แอร์รถ EV” หรือมีรีวิวจากลูกค้ารถไฟฟ้า จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าช่างรู้วิธีจัดการกับระบบไฟแรงดันสูงและน้ำยาแอร์เฉพาะรุ่นของรถคุณ สะดวกและใกล้คุณ: ในเชียงใหม่มีศูนย์บริการรถยนต์หลายแห่ง การค้นหาทางอินเทอร์เน็ตด้วยคำว่า “ร้านแอร์รถไฟฟ้าใกล้ฉัน” อาจช่วยให้เจอรายชื่อร้านใกล้บ้าน และควรพิจารณาคุณภาพควบคู่ไปกับความใกล้ สิ่งสำคัญคือเลือกร้านที่คุณไว้ใจได้ มีอุปกรณ์และเครื่องมือที่รองรับรถ EV: ร้านที่ได้มาตรฐานควรมีเครื่องมือสำหรับรถรุ่นใหม่ เช่น เครื่องดูด-เติมน้ำยาแอร์ที่รองรับ R-1234yf และน้ำยาทำความสะอาดแผงคอยล์ร้อนที่ปลอดภัยและตรงรุ่นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ตัวอย่างร้านแอร์รถไฟฟ้าในเชียงใหม่ที่แนะนำ: ร้านอำนวยมอเตอร์แอร์ 2 จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในศูนย์บริการที่มีชื่อเสียงด้านระบบปรับอากาศรถยนต์มายาวนานกว่า 38 ปี มีการพัฒนาความรู้เพื่อรองรับรถรุ่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทางร้านมีทีมช่างมืออาชีพที่เข้าใจระบบแอร์รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างดี พร้อมอุปกรณ์ครบครันสำหรับล้างแอร์รถ EV ทุกรุ่น นอกจากนี้ยังมีสต๊อกอะไหล่แท้และน้ำยาแอร์ตรงรุ่นสำหรับรถไฟฟ้าไว้บริการ ลูกค้าหลายท่านในเชียงใหม่ให้ความไว้วางใจในบริการของที่นี่ เพราะสามารถแก้ไขปัญหาแอร์รถได้ตรงจุด และทำให้แอร์กลับมาเย็นฉ่ำดังเดิม การล้างแผงคอยล์ร้อน ร้านอำนวยมอเตอร์แอร์ 2 ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความเชี่ยวชาญและความสะดวก (ร้านตั้งอยู่บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง เดินทางง่ายและเปิดบริการทุกวัน) ภาพประกอบ: การล้างแผงคอยล์ร้อนรถยนต์ไฟฟ้า NETA

8 วิธีกำจัดกลิ่นอับในรถ ไม่ให้มากวนใจ

วิธีกำจัดกลิ่นอับในร

8 วิธีกำจัดกลิ่นอับในรถ ไม่ให้มากวนใจ รถยนต์มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่รู้ว่าจะจัดการกับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์นี้อย่างไรดี เพราะกลิ่นอับในรถเกิดได้จากหลายปัจจัย ที่ไม่ใช่เพราะระบบปรับอากาศเท่านั้น แต่รวมถึงเศษอาหารที่ร่วงอยู่ในรถ การนำสัตว์เลี้ยงขึ้นรถ หรือเสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อและไปติดเบาะก็ส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน 1. กำจัดกลิ่นจากแหล่งกำเนิด คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามการค้นหาแหล่งสะสมของจุดกำเนินกลิ่น ไม่ว่าจะเป็น บรรดาขยะ ของเน่า หรือซากสัตว์ที่ติดในรถ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดการสะสมของกลิ่นเหม็นในรถ เราควรตรวจเช็กภายในรถให้เรียบร้อยทุกๆ จุด และเก็บกวาดให้สะอาด เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันในตัวกรองเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ 2. ล้างแอร์รถ หากรถของคุณมีกลิ่นอับในรถ การล้างแอร์รถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการกำจัดกลิ่นอับ การล้างแอร์เป็นการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในระบบแอร์อย่างละเอียด โดยช่างจะทำความสะอาดโดยการนำเครื่องมือเข้าไปฉีดล้างทำความสะอาดภายใน หรือฉีดน้ำยาทำความสะอาดเข้าไปในคอล์ยเย็น เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในตู้แอร์ (คอล์ยเย็น) นอกจากนี้ การล้างแอร์รถยนต์โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเปลี่ยนกรองแอร์ทุก ๆ 1 ปี จะช่วยให้อากาศภายในรถสะอาดและสดชื่นอยู่เสมอ 3. จอดรถตากแดด การจอดรถตากแดด เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยบรรเทากลิ่นในรถให้คุณได้ เพียงเปิดหน้าต่างรถไว้ให้อากาศถ่ายเท และนำรถไปจอดกลางแดดสักประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้กลิ่นลดน้อยลง และยังได้ผลพลอยได้ตรงที่สามารถฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราได้ระดับหนึ่งด้วย 4. ใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่ปราศจากน้ำหอม ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นในรถให้เลือกให้เลือกซื้อหลายกลิ่นตามรสนิยมความชอบส่วนบุคคล ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่มีน้ำหอม ก็อาจจะต้องคำนึงเรื่องกลิ่นที่อาจจะทำให้บางคนเกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ ดังนั้น การเลือกผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่ไม่มีน้ำหอมเป็นทางเลือกที่ดีของการกำจัดกลิ่นอับในรถอย่างปลอดภัยและเห็นผลได้ชัดเจน โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่ปราศจากน้ำหอมนั้น จะมีส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง อีกทั้งยังช่วยลดกลิ่นอับในรถได้ เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้น้ำหอมหรือไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม ซึ่ง สเปรย์กำจัดกลิ่น KANA ก็เป็นผลิตภัณฑ์ดับกลิ่น ที่เราอยากจะแนะนำให้คุณได้รู้จัก เพราะผลิตภัณฑ์ดับกลิ่น คานะ เป็นสเปรย์กำจัดกลิ่นที่ได้นำส่วนผสมจากธรรมชาติหลายชนิด สามารถทำปฏิกิริยากับประจุอนุภาคของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดการแตกตัวและจับคู่ของโมเลกุลใหม่ ส่งผลทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สเปรย์กำจัดกลิ่น คานะ ยังผ่านการทดสอบความระคายเคือง ภายใต้โครงการ RD Facilities Boost Up โดยความร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 5. ถ่านหุงต้ม ถ่านหุงต้มขึ้นชื่อว่าช่วยกำจัดกลิ่นอับได้ได้เป็นอย่างดี เพราะรูพรุนของถ่านมีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับสารไฮโดรคาร์บอน ซึ่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ มักมีสารดังกล่าวประกอบอยู่ด้วย การนำถ่านใส่ภาชนะหรือกล่องพลาสติกแล้ววางไว้ตามมุมต่าง ๆ ของรถ จึงเป็นวิธีที่ง่ายและไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายจากสาารเคมีใดๆ อีกด้วย 6. ใบชา-ชาซองสำเร็จรูป การนำกากกาแฟจากร้านกาแฟมาตากแห้งและห่อใส่ถุงผ้าขาวบาง แล้วนำไปวางในรถสักประมาณ 2 วัน ก็จะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถได้ แถมยังได้กลิ่นกาแฟหอม ๆ มาแทนที่กลิ่นอับในรถด้วย 7. กากกาแฟ การนำกากกาแฟจากร้านกาแฟมาตากแห้งและห่อใส่ถุงผ้าขาวบาง แล้วนำไปวางในรถสักประมาณ 2 วัน ก็จะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถได้ แถมยังได้กลิ่นกาแฟหอม ๆ มาแทนที่กลิ่นอับในรถด้วย 8. ปิดปุ่ม A/C ก่อนดับเครื่องยนต์ บางครั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถอาจมีสาเหตุมาจากแอร์รถนั่นเอง ดังนั้นควรหมั่นสำรวจเบื้องต้น โดยการดมตรงช่องแอร์ว่ามีกลิ่นออกมาหรือไม่ หากพบว่ามีกลิ่นให้ลองปิดปุ่ม A/C ประมาณ 10 นาทีก่อนถึงจุดหมายปลายทาง เพราะการปิด A/C จะเป็นการปิดการทำความเย็นของคอมเพรสเซอร์ แต่ไม่ตัดการทำงานพัดลม ทำให้สามารถไล่ความชื้น ลดโอกาสการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นอับ อย่างไรก็ตาม การปิดปุ่ม A/C เป็นวิธีลดกลิ่นอับเบื้องต้น แต่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาหลัก หากรถมีกลิ่นอับ การทำความสะอาดระบบแอร์จากช่างผู้เชี่ยวชาญ จะวิธีที่ช่วยกำจัดกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ท้ายที่สุดนี้วิธีแก้ปัญหา ดับกลิ่นเหม็นในรถที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิด ซึ่งป้องกันได้โดยเลี่ยงการนำสาเหตุของการเกิดกลิ่นเข้าไปในรถ หมั่นทำความสะอาดรถ ซักเบาะและพรม รวมถึงหมั่นไล่ความชื้นจากตู้แอร์อย่างสม่ำเสมอโดยการปิดระบบทำความเย็นแล้วเปิดแค่พัดลมแทน เพียงเท่านี้ก็ช่วยป้องกันการเกิดกลิ่นได้มากแล้ว หากต้องการล้างแอร์ หรือหาสาเหตุของกลิ่นไม่พบ อำนวยมอเตอร์แอร์ 2 เราก็ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำค่ะ

5 วิธีการดูแลรักษารถคันโปรด ให้ใช้งานได้ยาวนาน

5 วิธีการดูแลรักษารถ

5 วิธีการดูแลรักษารถคันโปรด ให้ใช้งานได้ยาวนาน สภาพรถยนต์นั้น ก็เปรียบเสมือนร่างกายของคนเรา มีส่วนต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น การดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น เพื่อทะนุถนอมอายุการใช้งานรถของเราให้ยืนยาวและเป็นการรักษาอายุของรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อแนะนำปฏิบัติดังต่อไปนี้ 1. เช็ดล้างและทำความสะอาดเป็นประจำ การดูแลรูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์ หมั่นเช็ดล้างและทำความสะอาดเป็นประจำนั้น จะช่วยให้รถดูใหม่ สีไม่ซีด ไม่มีสนิมขึ้น แสดงถึงความใส่ใจของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี และเมื่อนำไปขายต่อก็ไม่ทำให้รถราคาตกอย่างแน่นอน 2. เปลี่ยนกรองแอร์อย่างสม่ำเสมอ กรองอากาศเครื่องปรับอากาศ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “กรองแอร์” ซึ่งท่ามกลางสภาพอากาศในปัจจุบัน ที่มากไปด้วยฝุ่นละอองและมลภาวะทางอากาศ ที่กรองแอร์จะเข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับคุณภาพอากาศภายในรถที่ดี มีอากาศที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสุขภาพ โดยแนะนำให้เปลี่ยนกรองแอร์เป็นประจำ 3. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบกำหนด น้ำมันเครื่อง เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ที่จะคอยทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ปกป้องชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์ รวมถึงชำระล้างสิ่งสกปรก การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรที่จะเปลี่ยนทุกๆ 8,000 กิโลเมตร หรือไม่เกิน 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 4 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ละรูปแบบ 4. ดูแลยางรถยนต์ ยางรถยนต์ มีหน้าที่ในการรับน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน ที่ถ้าหากไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการขับขี่ เนื่องจากลมยางและยางรถยนต์มีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเบรก การควบคุม การประหยัดน้ำมัน การบังคับเลี้ยว นอกจากจะหมั่นเช็คลมยางแล้ว ควรทำการเปลี่ยนยางตามสภาพของยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการเบรก การยึดเกาะถนนรวมถึงเสียงที่ดังขึ้นในระหว่างการขับขี่ 5. เช็คน้ำมันเบรกทุก 1 ปี น้ำมันเบรก เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งแรงดันไปยังปั๊มเบรก ซึ่งหลังจากใช้งานไปสักระยะหนึ่งแล้ว น้ำมันเบรกจะค่อยๆ เสื่อมอายุการใช้งานและประสิทธิภาพ ลดน้อยลง จนเปลี่ยนเป็นสีที่เริ่มคล้ำและเริ่มส่งผลต่อศักยภาพในการระบายความร้อนที่ลดลง รวมถึงมีอาการผิดปกติเพิ่มเติม เช่น เบรกวืด เบรกไม่อยู่ หรือ เบรกไหล เป็นต้น ท้ายที่สุดนี้ วิธีดูแลรถยนต์เบื้องต้น ที่ทางอำนวย มอเตอร์แอร์ 2 นำมาฝาก จะช่วยยืดอายุให้รถอยู่คู่กับคุณไปนานๆ และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอีกด้วย สำหรับการดูแลรักษาเบื้องต้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรตรวจสอบอยู่เป็นประจำก่อนเดินทาง หรือในช่วงที่มีเวลาว่าอยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติหรือไม่